เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๕ พ.ย. ๒๕๕๘

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ ธรรมะคือสัจธรรม สัจธรรมคือความจริง ความจริงเข้ากับสัจจะ สัจจะ ดูสิ คนเราเวียนว่ายตายเกิด ร่างกายเป็นมนุษย์ เวลาสิ้นชีวิตไป เอาไปเผาเอาไปฝัง แต่หัวใจมันไม่เคยตาย หัวใจมันเวียนว่ายตายเกิด แต่เราก็พูดกันไป เราพูดกันไปนะ “จิตมันไม่เคยตาย จิตมันไม่เคยตาย” แล้วเป็นอย่างไรมันไม่เคยตาย ถ้ามันไม่เคยตายนะ ฉะนั้น สิ่งที่มันไม่เคยตายมันเป็นนามธรรม สิ่งที่เป็นนามธรรม เจตนาทำคุณงามความดีกันมันซับลงที่นั่น

คนเรานะ ดูเทวทัตสิ เทวทัตทำลายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ ทั้งๆ ที่สร้างบุญกุศลนะ ได้ฌานโลกีย์ เหาะเหินเดินฟ้าได้ แปลงเป็นงูไปพันหัวอชาตศัตรูได้ แต่ด้วยความอาฆาตมาดร้าย ด้วยความอยากใหญ่อยากโต ทำลายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาตายนี่ธรณีสูบเป็นๆ เลยล่ะ

นี่ไง เจตนาอันนั้น เจตนาทำคุณงามความดี บุญกุศลอันนั้นถ้ามันจะเข้าไปถึงหัวใจอันนั้น ถ้าบาปอกุศลมันก็เข้าไปสู่ใจอันนั้น ถ้าใจอันนั้น นี่สัจจะความจริงๆ สัจจะความจริงที่เป็นนามธรรมที่คุณงามความดีไง บุญกุศลนะ บุญกุศลบาปอกุศลเข้าไปถึงใจๆ ใจเป็นคนกระทำไง ทีนี้ใจเป็นคนกระทำ สิ่งนี้มันเป็นค่าของน้ำใจๆ ครูบาอาจารย์มีค่าของน้ำใจ ท่านทำเพื่ออันนี้ ทำเพื่อหัวใจคนๆ ไง

อย่างเช่นเรามีกฐินของเรา กฐินของเรานะ นี่เราพูดเดี๋ยวเจ้าภาพเขาจะสะเทือน เวลากฐินแล้วทุกคนถามว่า ยอดเงินได้เท่าไร ยอดเงินได้เท่าไร

ยอดเงินปีนี้นะ เจ้าภาพกูยังไม่ให้กูเลย กฐินกูกฐินแปะโป้ง เพราะว่ามันเป็นแอ็กซิเดนต์ เพราะเจ้าภาพเขาทำมาทุกปี แต่ปีนี้เขาบอกว่า “หลวงพ่อ มันไม่ได้เตรียมอะไรมา เดี๋ยวโอนให้ทีหลังเนาะ” นี่ไง พอโอนให้ทีหลัง ทุกคนก็จะถามไง ถามว่ายอดได้เท่าไรๆ

เราก็ไปคิดกันตรงนั้นไปอยู่ที่ตัวเลขนั้น แล้วก็อวดกันว่าใครได้มากได้น้อย เอามาโชว์กัน ตัวเลขนั้น แล้วใจของคนล่ะ ใจของคนที่เขามา หัวใจของคนล่ะ

ฉะนั้น สิ่งที่เราหวังเราหวังตรงนี้ไง หัวใจของสัตว์โลก สิ่งที่การกระทำนะ เราทำเพื่อน้ำใจคนๆ ให้เขาชื่นชม ให้ชื่นชมว่าในพระพุทธศาสนา ศาสนาของเรามันยังมีสัจจะมีความจริง มีสิ่งที่เป็นนามธรรม สิ่งที่เป็นคุณธรรมอันนั้น ไม่ใช่เห็นแต่วัตถุไง

มันเป็นวัตถุนะ สิ่งที่ได้มา คนก็เป็นวัตถุเหมือนกัน ธาตุ ๔ ก็วัตถุ แต่น้ำใจของคนๆ คนจะมามากจะมาน้อย มันสิทธิของเขา มันเป็นสิทธิของเขา เราไม่เคยคาดการณ์ ไม่เคยคาดหมายไปกะเกณฑ์ใครมา ไม่เคยกะเกณฑ์ใครมา ฉะนั้น ไม่กะเกณฑ์ใครมานะ เราทำเพื่อสัจจะเพื่อความจริง ถ้าเพื่อสัจจะความจริง

ฉะนั้น เวลาที่จะพูด เวลาพูดถึงนะ เดี๋ยวเราจะเช็คบิล เช็คบิลไอ้พวกที่ว่าเวลาเขามาขอโรงทานๆ เวลาเขามาขอโรงทานมันมีเยอะนะ บางทีมันมีเยอะที่ว่าเขาบอกว่าเขามีข้าวหม้อแกงหม้อ หรือเขามีกระเพาะปลา เขาจะมาตักเอา มันมีมา ตัก มาตั้งแล้วก็ตักเอาไป ถ้ามีน้ำเต้าหู้หม้อหนึ่ง ประสาเราว่ากำลังของคนไม่เท่ากันใช่ไหม นิ้วของคนไม่เท่ากันใช่ไหม เราจะบอกว่า แหม! ต้องทำอย่างดีอย่างนู้น จะทำอย่างนี้เพื่อจะเอาหน้าไง นี่ว่าเขาจะเอาหน้า จะเอาแต่ตัวเลขไง ไอ้เราก็จะเอาแต่ให้คนเขาชื่นชมใช่ไหม

ฉะนั้น ข้าวหม้อแกงหม้อ ใครมีสิ่งใดจะเอามาแจกมาเจือจานกัน ค่าของน้ำใจ เราเห็นด้วยทั้งนั้นน่ะ ทีนี้มันไม่เป็นอย่างนั้นน่ะสิ เวลามานะ ทีแรกก็บอกว่าจะมาแจกเนาะ เสร็จแล้วก็ได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา แล้วก็ไปทะเลาะเบาะแว้งกันด้วยชื่อเสียงเกียรติศัพท์เกียรติคุณ แล้วทำไปทำไม มันได้ประโยชน์อะไร

เวลาเอ็งมาด้วยค่าของน้ำใจเอ็ง จะมาทำบุญกุศล น้ำใจของเรา เราเปิดกว้างอยู่แล้ว เรามาแล้วมันปลอดโปร่ง ทุกคนเห็นแล้วยิ้มแย้มแจ่มใส ทุกคนเห็นแล้วก็ชื่นชม เรามาด้วยหัวใจ เราไม่ต้องไปแข่งขันกับใคร ไปแข่งกับใคร มือคนไม่เท่ากัน นิ้วคนไม่เท่ากัน จะไปแข่งกับใคร แต่หัวใจยิ่งใหญ่ นี่สำคัญตรงนี้

ฉะนั้น เวลาสำคัญตรงนี้ แล้วมันก็เป็นอย่างนี้ คนมาใหม่ๆ ก็จะเป็นอย่างนี้มาประจำ ได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา แล้วมันก็เป็นคนโลเลอยู่อย่างนั้นแหละ แล้วปฏิบัติมันจะได้สิ่งใดล่ะ

มันไม่ต้องไปวัดกันตรงนั้นไง แล้วประสาเรานะ น้ำใจของเรา ทุกอย่างมันอยู่ที่การดูแลของเรา เริ่มต้นจากเราต้นน้ำ เราอนุญาตให้ทอดกฐิน อยู่ที่เราอนุญาต ถ้ามีปัญหาเราเลิก ยกเลิก! จบ!

มึงเอาแต่ความคิดของเอ็งคนเดียวนั่นน่ะ ด้วยความเห็นแก่ตัว ไปเหยียบย่ำคนอื่น งานของเขาทั้งงาน เอ็งคนเดียว เอ็งจะมาใหญ่กว่าคนอื่นได้อย่างไร เอ็งจะมาโชว์ตัวเอ็งหรือ เอ็งโชว์ตัวเอ็งก็ไปโชว์ที่สนามหลวงสิ เวลางานสนามหลวงก็ไปโชว์ตัวที่นั่น ใครจะมาโชว์อะไร เขาไม่ต้องมาโชว์ ที่นี่ไม่มีการโชว์ ฉะนั้น โชว์มันเรื่องโลกๆ โลกจะเป็นใหญ่ไม่ได้

ธรรมเป็นใหญ่ๆ ค่าของคน ค่าของน้ำใจของคนเป็นใหญ่ เราชื่นชมนะ เรามองเห็นสิ่งใด ดูสิ พ่อแม่เห็นเด็กมันยิ้มแย้มแจ่มใสนะ พ่อแม่ก็ดีใจแล้ว นี่ก็เหมือนกัน งานที่มันผ่านไปได้ งานที่มันเป็นไปแค่นี้ก็พอแล้ว แค่นี้ก็พอแล้ว นี่ไง สูงสุดสู่สามัญไง ศาสนาพุทธเป็นศาสนาเรียบง่ายไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อยู่โคนต้นไม้ อยู่โคนต้นโพธิ์นั้น เวลาแสดงธัมมจักฯ ขึ้นมา มีปัญจวัคคีย์ ๕ องค์เท่านั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธัมมจักฯ ครั้งแรกมีผู้ฟังอยู่ ๕ คนเท่านั้น แล้ว ๕ คนเท่านั้น เวลาฟังไปแล้ว เทวดา อินทร์ พรหมส่งข่าวเป็นชั้นๆ ขึ้นไป อันนั้นมันสำคัญกว่า สำคัญคือค่าของน้ำใจไง

ธรรมจักร จักรได้เคลื่อนแล้ว ใครจะย้อนกลับไม่ได้ สัจจะความจริงอันนั้น มรรคญาณได้ชำระล้างกิเลสในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปแล้ว มันชำระล้างไปแล้ว มารมันตายไปแล้ว ครอบครัวของมารตายหมดแล้ว มันจะกลับมาอีกไม่ได้ แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรมอันนั้นน่ะ อันนั้นมันสำคัญ ถ้ามันสำคัญ ศาสนามันอยู่ที่นั่นไง ศาสนามันมีเนื้อหาสาระไง ถ้าเป็นความจริง ความจริงอย่างนี้ ถ้าความจริงอย่างนี้มันถึงจะเป็นความจริง ถ้าความจริงขึ้นมาแล้ว สิ่งที่จะมาอวดมาโชว์อะไรกัน ไร้สาระมากๆ นะ

ฉะนั้น มันอยู่ที่เราๆ ต้นน้ำอยู่ที่เรา คือเราอนุญาตหรือไม่อนุญาต ปิดหรือเปิดเท่านั้นน่ะ ถ้าปิดคือยกเลิก กฐินจะให้จบกันไป ไม่ให้มี ถ้ามันมี มีขึ้นมาเพื่อสังคม มีขึ้นมาเพื่อบริษัท ๔ มีขึ้นมาเพื่อหัวใจของคนที่เขาประเสริฐ หัวใจของคนที่เขามีน้ำใจ ไม่ใช่มีมา มีแต่ไอ้พวกไอ้ขี้ครอก จะมาเหยียบย่ำเขา จะมาแสดงตน เอ็งมีไปทำไม มีไปเพื่อเอ็ง มีไปทำไม

อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา เขาไม่คบคนพาล เขาคบบัณฑิต บัณฑิต ดูสิ เขาเห็นการกระทำที่ดีงาม เขามาชื่นชมกัน นี่บัณฑิตทั้งนั้นแหละ ให้ไอ้คนพาลคนสองคนมาเหยียบย่ำหัวใจบัณฑิตหรือ ให้ไอ้คนพาลมันมาเหยียบย่ำเขาใช่ไหม เอ็งไม่มีที่ยืนหรือไง วัดอื่นที่เขาต้องการเยอะแยะไป ไปสิ วัดที่เขาต้องการอย่างนั้นมันมีอยู่แล้ว วัดที่เขาเรียกร้องโฆษณาชวนเชื่อ เขาต้องการลากพวกเอ็งเข้าไปเป็นเหยื่อ เอ็งทำไมไม่ไปล่ะ เอ็งไปที่นั่นสิ เอ็งมาที่นี่ทำไม

ถ้ามาแล้วนะ มันต้องมีน้ำใจต่อกัน ถ้ามีน้ำใจต่อกัน มันเป็นประโยชน์ต่อกัน ถ้าเป็นประโยชน์ต่อกัน แล้วเวลาทุกคนปรารถนานะ เราเป็นพระป่ากัน พระป่า เราภูมิใจนะ เวลาเป็นพระป่า พระป่าจะเป็นผู้ที่เคร่งครัด พระป่าเป็นพระที่ประพฤติปฏิบัติ ฉะนั้น เวลาจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้ามีศีล ศีลคือความปกติของใจ ใครมีศีลมันจะสงบระงับ มีค่าน้ำใจต่อเขา ถ้าทำสมาธิได้ ทำสมาธิได้ คนที่ทำสมาธิเป็นนะ เขาจะหลีกจะเร้นเหมือนสัตว์เหมือนเสือ เหมือนเสือเหมือนสิงโต มันจะระวังภัยของมัน มันจะหลบหลีกของมัน มันจะไม่ให้เห็นนายพราน มันจะรักษาเนื้อรักษาตัวของมัน ถ้ามันเห็นคนมันต้องเสียชีวิต ฉะนั้น คนที่ทำสมาธิได้ เขาจะหลีกจะเร้นของเขา เขาจะหาความสงบระงับของเขา เขาพยายามจะรักษาใจของเขา กิริยามันแสดงออกไง

กิริยาแสดงออก คนที่มีศีลมีธรรม คนที่มีศีลของเขา คนมีศีลเขาจะไม่ก้าวล่วงคนอื่น เขาจะรักษาใจของเขา หัวใจของเรา เรายังรักษาได้ยากเลย แล้วหัวใจของเขา เห็นไหม นี่ความปกติของใจ ถ้าทำสมาธิได้ กว่าจะทำสมาธิได้มันต้องใช้ความสงบสงัด ต้องใช้สติ ต้องใช้คำบริกรรม เพราะสิ่งที่เป็นนามธรรมๆ ดูสิ อากาศ เวลากลิ่นที่มันผสมสิ่งใดมามันจะเข้าถึงจมูกของเรา สิ่งที่ขัดอกขัดใจมันจะมากระเทือนเรา

นี่ก็เหมือนกัน การทำสมาธิเขาต้องการที่ความสงบระงับ สัปปายะ สถานที่สัปปายะ หมู่คณะเป็นสัปปายะ เขาแสวงหาสิ่งนั้น ถ้าแสวงหาสิ่งนั้น คนที่เขามีสมาธิ คนที่เขามีศีลของเขา เขาจะระวังตัวของเขาเหมือนสัตว์ สัตว์มันหลบมันหลีกของมัน มันไม่เห็นคน ไม่เห็นพราน พรานจะล่าเอาชีวิตของมัน

นี่เหมือนกัน คุณธรรมในหัวใจของเรา สมาธิที่ทำขึ้นมาได้มันแสนยาก มันต้องมีสติ มีคำบริกรรม ต้องมีปัญญาเพื่อรักษาหัวใจของเรา ถ้ารักษาหัวใจเรา สิ่งที่เป็นนามธรรมๆ มันรักษายาก ถ้ารักษายาก เรามานี่เราปรารถนาอย่างนี้ไง

เพราะเราเป็นลูกศิษย์กรรมฐาน ลูกศิษย์กรรมฐานเขาให้ประพฤติปฏิบัติ การประพฤติปฏิบัติคือปฏิบัติบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วัดที่ประพฤติปฏิบัติมันถึงเป็นที่ไว้วางใจของคน พอไว้วางใจของคน คนเขาก็เชื่อถือศรัทธาของเขา แล้วเราเองเราว่าเราเป็นลูกศิษย์กรรมฐานๆ มันควรจะทำสิ่งใดให้มันสงบระงับ ทำสิ่งใดให้มันดูเรียบง่าย ของเรามันจะมีคุณค่าหรือไม่มีคุณค่า ไม่สำคัญหรอก สำคัญที่น้ำใจของคน น้ำใจของคนทำให้มันสิ่งที่ดีงามไง ไม่ใช่ได้คืบเอาศอก ได้ศอกเอาวา แล้วจะขวางเขาไปหมดเลย นี่มันไอ้เข้ขวางคลอง ทัพพีขวางหม้อ ของที่มันจะดีมันเลยไม่ดีเลย

ของที่มันจะเรียบร้อย ของที่มันจะดีงาม ดีงามเพราะกิริยาของคน ดีงามเพราะลูกศิษย์กรรมฐานเขามีน้ำใจ เขาเคารพบูชาของเขา เขาเคารพสถานที่ของเขา เขาเคารพธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เขามีน้ำใจของเขา แต่ไอ้เราเป็นคนพาลไปเหยียบย่ำเขาไปหมดเลย แล้วโอ้อวดว่าทำได้ กิเลสมันเป็นแบบนี้ มันเหยียบย่ำเขาไปแล้วมันยังภูมิใจว่านี่ทำได้ๆ คนอื่นทำไม่ได้

คนอื่นเขาเป็นบัณฑิต คนอื่นเขาเป็นเทพ คนอื่นเขาเป็นเทวดา เอ็งมันเป็นเปรต เอ็งมันเป็นเปรต เอ็งมันเป็นผี เอ็งเหยียบย่ำเขา แล้วเอ็งยังภูมิใจในตัวของเอ็งไง

อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา เขาไม่คบคนพาล ไม่คบคนพาล ไม่คบคนเห็นแก่ตัว ไม่คบคนเอาเปรียบ

นี่ไง ศีล สมาธิ ปัญญา นี่ปัญญายังไม่ได้เกิดอะไรเลยนะ ไอ้นี่ปัญญากิเลสล้วนๆ ไง กิเลสจะมาแสดงตนอวดใหญ่ อวดว่ามีอำนาจ มันมีประโยชน์อะไร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ยุ่งเรื่องอย่างนั้น คนที่มีคุณธรรมนะ สูงสุดสู่สามัญ คนที่มีเกียรติ คนที่เขามีสถานะของเขา เขาติดดิน เขาติดดิน เป็นเรื่องปกติของเขา นี่เหมือนกัน ครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นธรรมๆ นะ เรื่องอย่างนี้มันเป็นเรื่องของสังคมไง เป็นเรื่องของสังคมนะ

ดูสิ เวลาศาสนาขึ้นมามันก็มีต้นไม้ มีเปลือก มีกระพี้ มีแก่น นี่ก็เหมือนกัน ประเพณีวัฒนธรรมไง หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านไม่พาให้ทำด้วย หลวงตาท่านทำ ท่านทำเป็นชั่วคราว แต่สุดท้ายแล้วท่านออกมาโครงการช่วยชาติ มันเป็นกฐินของชาติ มันเป็นผ้าป่าช่วยชาติ มันเป็นเรื่องชาติ เป็นเรื่องใหญ่โตไง ท่านถึงต้องเสียสละธรรมวินัย เสียสละสิ่งที่ท่านคุ้นชินมาเพื่อมาคลุกคลีกับพวกถังขยะไง เพราะต้องการสิ่งนั้นมาเจือจุนโลก

โลกมันเป็นแบบนี้ ถ้าโลกมันเป็นแบบนี้ ถ้ามันเอาความจริงๆ นี่พูดถึงเวลาพูด พูดไปอย่างนั้นเอง เพราะอะไร เพราะว่ามันอยู่ที่เราไง ต้นน้ำอยู่ที่กูนี่นะ กูสั่งยกเลิกหมดทุกอย่างต้องเลิก

แต่นี่เพราะอะไร เพราะมันมีแต่สิ่งที่แสดงออก มันก็มีแต่สิ่งที่แสดงออกแต่เรื่องของวัตถุ เรื่องของโลกทั้งนั้นเลย เวลาจะแสดงออกเรื่องของธรรมบ้าง เวลาหลวงตาท่านบอกว่า ให้ธรรมมันได้ออกบ้าง ให้ธรรมมันได้แสดงตัวบ้าง ไม่ใช่ให้แต่โลกมันใหญ่โตมันเหยียบย่ำอยู่อย่างนั้น ถ้าโลกมันเหยียบย่ำอยู่อย่างนั้น ศาสนาแบนแต๊ดแต๋เลย แล้วก็ไม่น่าเชื่อถือ พระก็ไม่น่าเชื่อถือ อะไรก็ไม่มีน่าเชื่อถือสักอย่างหนึ่งเลย แล้วที่ไหนเขามีชื่อเสียงเกียรติศัพท์เกียรติคุณขึ้นมา ไอ้พวกนี้ก็จะไปอ้ากางปีก ไปอ้าแขนกางปีก จะไปครอบงำ แล้วมันได้ประโยชน์อะไร มันได้ประโยชน์อะไร ทำไมไม่ทำบ้านมึง มึงไปทำอะไรที่เขาเป็นบัณฑิต เขาปรารถนาสิ่งที่เป็นคุณธรรม เขาปรารถนาเขาถึงเก็บงำของเขา

เวลาหลวงตาท่านพูดนะ เวลาพระที่ไปอยู่กับท่าน เพราะมันมีเกียรติศัพท์เกียรติคุณ เพราะเป็นข้าราชการผู้ใหญ่ก็มี มีการศึกษาสูงส่งก็มี มาจากต่างชาติก็มี เวลามาหาท่าน ท่านบอกว่า มันเก็บเล็บเก็บเขี้ยวมันไว้ เขี้ยวเล็บมันซ่อนของมันไว้ เดี๋ยวมันจะกางออก กิเลสมันทนไม่ได้

กิเลสมันทนไม่ได้ ถ้ากิเลสมันทนไม่ได้ เราก็เข้าใจอย่างนี้ เราเข้าใจนะ ทีนี้เวลาเข้าใจ เวลาใครเล็บมันจะโผล่ เขี้ยวมันจะงอกออกมา เราพยายามเผดียง พยายามบอก แล้วให้เวลานะ จะให้เวลามาก เพราะเห็นใจว่าเขาไม่รู้ทันความคิดเขา เขาแสดงออกมา เขาว่าเขาฉลาดนะ แต่ครูบาอาจารย์ที่ท่านรู้เท่า จากใจดวงหนึ่งสู่ใจดวงหนึ่ง กิเลสในใจดวงนั้นได้หักคอมันแล้วนะ ได้ชำระล้างมันแล้วนะ แล้วมันเกิดจากใจดวงอื่น ทำไมมันจะไม่รู้ เพียงแต่มันน่าสังเวชว่าตัวที่เขาแสดงออกนั้นเขาไม่รู้ เขาคิดว่านั่นคือปัญญาของเขา นั่นคือปัญญากิเลสนะ

ฉะนั้น เวลาท่านเตือน คอยสะกิดสะเกา แล้วให้เวลาเขาด้วย ให้เวลาเพราะอะไร ให้เวลาเพราะว่าสิ่งที่เขาแสดงออกมันปิดหูปิดตา

“มารเอย เธอเกิดจากความดำริของเรา เราจะไม่ดำริถึงเจ้า เจ้าจะเกิดบนหัวใจของครูบาอาจารย์เราไม่ได้อีกเลย”

แต่ของมัน มันยิ่งกว่าดำริ มันเป็นความคิด มันเป็นความกระหาย มันเป็นความอยากดังอยากใหญ่ มันเป็นความอยากแสดงอีโก้ นี่ครอบครัวมารมันเสวยเต็มที่ของมันไปแล้วไง ฉะนั้น มันทำของมันอย่างนั้น แล้วเวลาครูบาอาจารย์ท่านเห็น ท่านก็ให้โอกาสใช่ไหม

ฉะนั้น เวลาคนเข้ามามันก็หลากหลาย คำว่า “หลากหลาย” นี่ให้โอกาส ให้มีการกระทำ พยายามโน้มน้าวมา เพราะอะไร เพราะว่าเวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงไว้เอง ลูกศิษย์ของพระสารีบุตรเป็นธาตุของปัญญาทั้งนั้น ลูกศิษย์ของพระโมคคัลลานะ ฤทธิ์ทั้งนั้น พวกมีฤทธิ์ชอบ ชอบทางฤทธิ์ ไปเป็นลูกศิษย์พระโมคคัลลานะ ถ้าพวกคนชอบระเบียบ ชอบความรู้ เป็นลูกศิษย์ของพระอุบาลี มันเข้ากันโดยธาตุ ลูกศิษย์ของเทวทัตลามกทั้งนั้น มันเข้ากันโดยธาตุน่ะ

หัวหน้านั่นน่ะ หัวหน้าถ้าเป็นคนที่ดี หัวหน้าที่มีหลักมีเกณฑ์ยืนหลักไว้อย่างนั้น คนที่เข้าไปแล้วชอบ มันก็เป็นธาตุชอบเหมือนกัน ไอ้คนไม่ชอบเขาก็ไปหาคนที่เขาชอบ แล้วเวลาไปที่เขาชอบ เขาก็แตกของเขาไป

นี่ไง แล้วอย่างนี้มา ดูสิ เราดูแลของเราอยู่แล้ว ไม่ต้องมาได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา ได้วาจะเอาทั้งศาลา ได้ศาลาแล้วไม่พอ มันจะเอาวัดด้วย “โอ้! วัดนี่หรือ ของฉัน ฉันเข้าเมื่อไหร่ก็ได้ ออกเมื่อไหร่ก็ได้ ฉันจะขี้รดเยี่ยวรดเมื่อไหร่ก็ได้” มันเก่งขนาดนั้นเนาะ มันเก่งได้ขนาดนั้นน่ะ ไอ้นั่นเป็นความคิดของเขานะ

ฉะนั้น เดี๋ยวเราจะต้องจัดการเรื่องนี้อีกทีหนึ่ง เราจะจัดการเรื่องนี้อีกทีหนึ่ง จะไม่ให้ใครมาย่ำยี ที่พูดนี่เพราะมันรับไม่ได้ โรงทาน ๓๐ กว่าโรง เขาทำของเขาเรียบร้อย มึงมาจากไหน มึงมาเหยียบย่ำหัวเขา มึงมาจากไหน มึงเหยียบย่ำคนอื่น มึงมาจากไหน วัดนี้คนหลายหมื่น ไม่ใช่คนเลยใช่ไหม เป็นคนเฉพาะครอบครัวของมึงใช่ไหม ครอบครัวมึงจะเหยียบย่ำเขาไปใช่ไหม อย่านะ อย่า วันนี้เทศน์ให้ฟัง แล้วเปิดเว็บไซต์ฟังนะ แล้วมีอะไรมาว่ากัน เอวัง